วันศุกร์ที่ ๑๒ ตุลาคม พ.ศ. ๒๕๕๐

การสร้างเลขลำดับแถวในตารางข้อมูล (Create row number in Gridview)

เลขลำดับแถว (row number) คือ เลขที่เรียงจาก 1 ถึงจำนวนสุดท้ายของข้อมูล ส่วนใหญ่จะเอาไว้เป็น column แรกสุดของตาราง ในกรณีนี้คือ ตาราง Gridview ที่มีการ biding ข้อมูลมาจากฐานข้อมูลนะครับ ดังรูปข้างล่าง

วิธีการสร้างก็มีอยู่ 2 วิธี คือ
1. กำหนดไว้ในคำสั่ง SQL
2. กำหนด column เพิ่มไว้ใน Gridview แล้วสร้าง label หรือ control ที่ต้องการไว้ข้างใน

สำหรับผมแล้ววิธีที่ 2 ค่อนข้างยุ่งยากและเขียนโค้ดยาวกว่า เพราะต้องมาคอยกำหนดเลขใหม่ตอน Databound ทุกครั้ง และผมจึงได้ใช้วิธีที่ 1 ซึ่งสะดวกกว่ามากครับ โดยการกำหนดสั่งใน SQL ก็แค่ไปแทรกไว้ในส่วนหลังคำสั่ง Select เท่านั้นเอง เช่น

จาก
SELECT CustomerID, CustomerName, CustomerAddress FROM tblCustomer

เป็น
SELECT Row_Number() OVER(ORDER BY CustomerID) AS RowNo, CustomerID, CustomerName, CustomerAddress FROM tblCustomer

และในการนำเลขลำดับแถวที่ได้จากการ query ก็เพียงกำหนด properties ชื่อ DataField ใน column ที่ต้องการเป็น RowNo เท่านั้น (ชื่อสามารถเปลี่ยนได้ตามต้องการ)

แหล่งข้อมูล :
displaying gridview row index number
Row number to gridview - dotnetspider
How to display row numbers in GridView - MSDN - Create column
Display Row number count increment in grid view using template column

วันพฤหัสบดีที่ ๔ ตุลาคม พ.ศ. ๒๕๕๐

เข้ารหัส/ถอดรหัส ด้วย Monoalphabetic Substitution Cipher โดยใช้ VB.NET (Monoalphabetic Substitution Cipher with VB.NET)

(ผมได้ทำการ implement การเข้าและถอดรหัส Monoalphabetic Substitution Cipher นี้ เป็น project ใน codeplex.com แล้วนะครับ ถ้าต้องการดูตัวอย่าง source code ซึ่งตอนนี้คือ version 1.0 beta กรุณาไป download ที่ http://www.codeplex.com/MonoalphabetCipher)

การเข้ารหัส/ถอดรหัสด้วยอัลกอรึทึม Monoalphabetic Substitution นั้น ถือว่าไม่มีความสลับซับซ้อนทางคณิตศาสตร์แต่อย่างใด เพียงมีตารางการแทนที่ที่ตกลงกันไว้เท่านั้น ตัวอักษรที่จะนำแทนที่ก็กำหนดได้อย่างอิสระ ไม่จำเป็นต้องเรียงลำดับตัวอักษร ดังรูป ซึ่งในการเขียนโปรแกรม อาจนำชุดตัวอักษรสำหรับแทนที่มาเก็บเป็น key

ตัวอย่างโค้ดการเข้ารหัสแบบ Monoalphabetic Substitution Cipher

'Key ในที่นี้ ต้องเป็นตัวอักษรภาษาอังกฤษ 26 ตัว
'ซึ่งต้องไม่ซ้ำกัน และเป็นตัวเล็กหรือตัวใหญ่ก็ได
Function Encrypt(ByVal PlainText As String, ByVal Key As String) As String
Dim CharArray(PlainText.Length - 1) As Char
Dim KeyTable As New System.Collections.Specialized.ListDictionary

'สร้างตารางแทนที่ โดยให้ 65,97 คือ A,a ... 90,122คือ Z,z
For Count As Byte = 0 To 25
KeyTable.Add((Count + 65).ToString, Key(Count).ToString.ToUpper)
KeyTable.Add((Count + 97).ToString, Key(Count).ToString.ToLower)
Next

For Count As Byte = 0 To PlainText.Length - 1
'แปลงตัวอักษรใน plain text เป็นรหัส ASCII
'แล้วนำรหัส ASCII ไปหาค่าในตารางแทนที่
CharArray(Count) = KeyTable.Item(Asc(PlainText(Count)).ToString)
Next

Return CharArray
End Function

ตัวอย่างโค้ดการเข้ารหัสแบบ Monoalphabetic Substitution Cipher

Function Decrypt(ByVal CipherText As String, ByVal Key As String) As String
Dim CharArray(CipherText.Length - 1) As Char
Dim KeyTable As New System.Collections.Specialized.ListDictionary

'สร้างตารางแทนที่ โดยให้ A,a คือ 65,97 ... Z,z คือ 90,122
For Count As Byte = 0 To 25
KeyTable.Add(Key(Count).ToString.ToUpper, (Count + 65).ToString)
KeyTable.Add(Count).ToString.ToLower, (Count + 97).ToString)
Next

For Count As Byte = 0 To CipherText.Length - 1
'หารหัส ASCII จากตารางแทนที่ แล้วนำไปแปลงเป็นตัวอักษร
CharArray(Count) = Chr(KeyTable.Item(CipherText(Count).ToString))
Next

Return CharArray
End Function


แหล่งข้อมูล :
Substitution cipher
โปรแกรม encrypt/decrypt ด้วย monoalphabetic
Monoalphabetic Cipher - The Black Chamber

เข้ารหัส/ถอดรหัส ด้วย Rail Fence Cipher โดยใช้ VB.NET (Rail Fence Transposition Cipher with VB.NET)

(ผมได้ทำการ implement การเข้าและถอดรหัส Rail Fence Cipher นี้ เป็น project ใน codeplex.com แล้วนะครับ ถ้าต้องการดูตัวอย่าง source code ซึ่งตอนนี้คือ version 1.0 beta กรุณาไป download ที่ http://www.codeplex.com/RailFenceCipher)

Rail Fence Cipher หรือที่เรียกกันว่า อัลกอรึทึมแบบแนวรั้ว เป็นอัลกอรึทึมแบบ Transposition หรือแบบสลับตำแหน่งอีกแบบหนึ่ง ซึ่งมีแนวคิดมาจากวิธีส่งข้อความลับทางการทหาร ของชาวสปาตัน (Spartans) ในยุคกรีกโบราณ อุปกรณ์ประกอบด้วย ไม้กระบอกเหลี่ยมกับเส้นหนังสัตว์ยาวที่สลักตัวอักษรไว้ วิธีใช้ต้องนำสายหนังมาพันรอบแท่งกระบอกเหลี่ยม แล้วอ่านตามยาวของแท่งกระบอก ก็ถือเป็นการถอดรหัสแล้ว ดังรูป

การใช้งานจริง การเข้ารหัสแบบ Rail Fence Cipher จะมีการกำหนด key ซึ่งใช้เป็นจำนวนแถวของผลลัพธ์ ดังนั้น ต้องนับจำนวนตัวอักษรในข้อความที่เป็น plain text แล้วนำมาหารด้วย key จะได้จำนวน column ของผลลัพธ์ (กรณีมีเศษให้ปักขึ้นอีก 1) ตอนนี้ให้นึกถึงรูปเมตริกซ์ 2 มิติ แล้วนำข้อความ plain text มาเขียนใหม่ในเมตริกซ์จากบนลงล่างทีละ column จนหมด เสร็จนำข้อความในเมตริกซ์จากซ้ายไปขวา ทีละแถว มาเขียนเป็นข้อความเรียงแถวเดียว ก็จะได้ข้อความที่ถูกเข้ารหัสแล้ว

ตัวอย่างโค้ดการเข้ารหัสแบบ Rail Fence Cipher

Function Encrypt(ByVal PlainText As String, ByVal Key As Byte) As String
'หาจำนวน column
Dim ColumnNum As Byte = PlainText.Length \ Key
If (PlainText.Length Mod Key) > 0 Then ColumnNum += 1

Dim CharMatrix(Key - 1, ColumnNum - 1) As Char
Dim CharArray(CharMatrix.Length - 1) As Char

'นำตัวอักษรใน PlainText มาเรียงในเมตริกซ์ (Array 2 มิติ)
'เรียงจากบนลงล่างทีละคอลัมน์
Dim Count As Byte = 0
For CountCol As Byte = 0 To ColumnNum - 1
For CountRow As Byte = 0 To Key - 1
If Count <= PlainText.Length - 1 Then
CharMatrix(CountRow, CountCol) = PlainText(Count)
Count += 1
Else
CharMatrix(CountRow, CountCol) = Nothing
End If
Next CountRow
Next CountCol

'อ่านตัวอักษรในเมตริกซ์ จากซ้ายไปขวา ทีละแถว
'มาเรียงเป็นข้อคาวมแถวเดียว
Count = 0
For CountRow As Byte = 0 To Key - 1
For CountCol As Byte = 0 To ColumnNum - 1
If Not CharMatrix(CountRow, CountCol) = Nothing Then
CharArray(Count) = CharMatrix(CountRow, CountCol)
Count += 1
End If
Next CountCol
Next CountRow

'ส่งค่าตัวอักษรที่เป็น array กลับเป็น string
Return CharArray
End Function

ตัวอย่างโค้ดการถอดรหัสแบบ Rail Fence Cipher

Function Decrypt(ByVal CipherText As String, ByVal Key As Byte) As String
'หาจำนวน column
Dim ColumnNum As Byte = CipherText.Length \ Key
If (CipherText.Length Mod Key) > 0 Then ColumnNum += 1

'หาจำนวน cell ว่าง
Dim EmptyNum As Byte
Dim CharTotal As Byte = CipherText.Length
EmptyNum = IIf(CharTotal Mod Key = 0, 0, Key - (CharTotal Mod Key))

Dim CharMatrix(Key - 1, ColumnNum - 1) As Char
Dim CharArray(CharMatrix.Length - 1) As Char

'นำตัวอักษรใน cipher text มาเรียงในเมตริกซ์ (Array 2 มิติ)
'เรียงจากซ้ายไปขวา ทีละแถว
Dim Count As Byte = 0
For CountRow As Byte = 0 To Key - 1
'แถวที่ไม่มีช่องว่าง
If CountRow <= (Key - 1 - EmptyNum) Then
For CountCol As Byte = 0 To ColumnNum - 1
CharMatrix(CountRow, CountCol) = CipherText(Count)
Count += 1
Next CountCol
Else 'แถวที่มีช่องว่าง
For CountCol As Byte = 0 To ColumnNum - 2 CharMatrix(CountRow, CountCol) = CipherText(Count)
Count += 1
Next CountCol
End If
Next CountRow

'อ่านตัวอักษรในเมตริกซ์ จากบนลงล่างทีละคอลัมน์
'มาเรียงเป็นข้อความแถวเดียว
Count = 0
For CountCol As Byte = 0 To ColumnNum - 1
For CountRow As Byte = 0 To Key - 1
If Not CharMatrix(CountRow, CountCol) = Nothing Then
CharArray(Count) = CharMatrix(CountRow, CountCol)
Count += 1
End If
Next CountRow
Next CountCol

'ส่งค่าตัวอักษรที่เป็น array กลับเป็น string
Return CharArray
End Function


ข้อควรสังเกตในอัลกอรึทึม คือ ช่องว่างที่อยู่ในเมตริกซ์ (Array) ซึ่งเกิดจากจำนวนตัวอักษรไม่พอดีกับจำนวน cell ในเมตริกซ์ อาจจะทำให้เกิดข้อผิดพลาดหรือเรียงข้อมูลไม่ถูกต้องได้ การถอดรหัสค่อนข้างยุ่งยากกว่าเข้ารหัส เนื่องจากต้องคำนวณหาช่องว่างจากข้อความ cipher text

แหล่งข้อมูล
Rail Fence Cipher - wikipedia
Scytale - wikipedia
Transposition cipher - wikipedia
Rail Fence Cipher - The Black Chamber - โปรแกรม (JavaScript)
The Rail-Fence Cipher - math.temple.edu - โปรแกรม (JavaScript)
The Crypto Tutorial - แบบฝึกหัดมากมาย
ข้อสอบ Mid-Term ของ Mount Holyoke College อเมริกา (CS100 วิชาคอมเบื้องต้น)

วันพุธที่ ๓ ตุลาคม พ.ศ. ๒๕๕๐

เข้ารหัสข้อความ แบบ Caesar Shift Cipher โดยใช้ VB.NET (Caesar Shift Cipher with VB.NET)

(ผมได้ทำการ implement การเข้าและถอดรหัส Caesar Shift Cipher นี้ เป็น project ใน codeplex.com แล้วนะครับ ถ้าต้องการดูตัวอย่าง source code ซึ่งตอนนี้คือ version 1.0 กรุณาไป download ที่ http://www.codeplex.com/CaesarShiftCipher ผมได้เขียนไว้ทั้ง 2 ภาษา คือ VB.NET และ C# --- update เมื่อ 25 กันยายน 2550)

เนื่องจากใน Framework ของ .NET มี class ที่เกี่ยวข้องกับ security มากมาย รวมถึงมี class ที่เกี่ยวข้องกับการเข้ารหัส/ถอดรหัส เช่น MD5, DES, RSA ซึ่งส่วนใหญ่เป็นอัลกอรึทึมที่ไม่ใช่แบบพื้นฐาน หรือแบบ classic เช่น algorithm แบบ caesar shift, monoalphabetic substitution, route, rail fence เป็นต้น

ผมจึงเขียนโค้ดที่ implement อัลกอรึทึมแบบ classic ที่ว่านี้ ไว้ให้นักศึกษา หรือผู้สนใจทั่วไปได้ไปศึกษากัน โดย algorithm แรก คือ Caesar Shift Cipher

Caesar Shift Cipher หรือที่เรียกว่าอัลกอรึทึมแบบเลื่อน ทำงานโดยการแทนข้อความต้นฉบับ ด้วยตัวอักษรถัดไปจำนวน k ตัว (โดย k คือ ตัวเลข ซึ่งนำมาใช้เป็น Key) อัลกอรึทึมนี้ถูกนำมาใช้ในสมัย จูเลียส ซีซาร์ (Julius Caesar) การใช้งานเช่น เข้ารหัสตัวอักษร A ด้วย key เป็น 3 ดังนั้นผลลัพธ์คืออักษรถัดไปจาก A 3 ตัว ซึ่งก็คือ D เป็นต้น

ตัวอย่างอัลกอรึทึม Caesar Shift Cipher ที่เขียนด้วย VB.NET

Function Encrypt(ByVal PlainText As String, ByVal Key As Byte) As String
'แปลง plaintext ที่เป็น string ให้เป็น array ของตัวอักษร
Dim PlainChar() As Char = PlainText.ToCharArray()
Dim Ascii(PlainChar.Length) As Byte

For Count As Byte = 0 To PlainChar.Length - 1
'แปลงตัวอักษรเป็นรหัส ASCII ที่เป็นตัวเลข
Ascii(Count) = CByte(Asc(PlainChar(Count)))

'คัดเฉพาะตัวอักษร A-Z และ a-z นอกนั้นไม่มีการเข้ารหัส
'A-Z มีรหัส ASCII เป็น 65-90
'a-z มีรหัส ASCII เป็น 97-122
If Ascii(Count) >= 65 And Ascii(Count) <= 90 Then
Ascii(Count) -= 65 'ให้ A-Z มีค่าเริ่มต้นจาก 0 ถึง 25 ตามลำดับ
Ascii(Count) = (Ascii(Count) + Key) Mod 26 Ascii(Count) += 65
'สามารถเขียนให้อยู่ในบรรทัดเดียวได้
'Ascii(Count) = ((Ascii(Count) - 65 + Key) Mod 26) + 65
ElseIf Ascii(Count) >= 97 And Ascii(Count) <= 122 Then
Ascii(Count) -= 97 'ให้ a-z มีค่าเริ่มต้นจาก 0 ถึง 25 ตามลำดับ
Ascii(Count) = (Ascii(Count) + Key) Mod 26
Ascii(Count) += 97
'สามารถเขียนให้อยู่ในบรรทัดเดียวได้
'Ascii(Count) = ((Ascii(Count) - 97 + Key) Mod 26) + 97
End If

'แปลงตัวเลข ASCII กลับเป็นตัวอักษร
PlainChar(Count) = Chr(Ascii(Count))
Next

'ส่งค่าตัวอักษรที่เป็น array กลับเป็น string
Return PlainChar
End Function


สำหรับการถอดรหัสให้เปลี่ยนจาก
Ascii(Count) = (Ascii(Count) + Key) Mod 26
เป็น
Ascii(Count) = (26 + Ascii(Count) + Key) Mod 26

ฟังก์ชั่นนี้จะต้องรับค่า ข้อความที่เป็น string และ key ที่เป็นตัวเลขมาเข้ารหัส และ return ค่า ข้อความที่เข้ารหัสแล้วเป็น string ซึ่งสามารถใช้กับตัวอักษรภาษาอังกฤษ A-Z ทั้งตัวพิมพ์เล็กและใหญ่ได้ เพราะมีการใช้รหัส ASCII มาช่วยในการระบุตำแหน่งตัวอักษร ถ้าจะให้มีการใช้กับภาษาอื่นๆ ได้ ต้องมีการคำนวณตัวเลขจากรหัส Unicode และตัวอย่างนี้ไม่ได้ตรวจสอบ user input หรือดักจับข้อผิดพลาด ดังนั้นถ้าจะนำไปใช้ก็ควรนำไปประยุกต์อีกที คำอธิบายประกอบอยู่ในโค้ดแล้ว ถ้าไม่เข้าใจก็ comment ถามมาได้นะครับ

ส่วนของคนอื่นที่เขียนไว้ก็มีของ Deobrat Singh ชาวอินเดียที่เขียนไว้สั้นมากๆ ในเว็บ The Code Project ข้อเสียคือไม่มีการจำกัดตัวอักษร ซึ่งเมื่อเข้ารหัสตัวอักษรท้ายๆ เช่น Z จะไม่วนกลับมาที่ A, B, C , ... ใหม่ ข้อดีคือง่ายและใช้ได้กับหลายภาษา

ชุดคำสั่งสำคัญ ของ Deobrat Singh

cipherInChars(i) = Convert.ToChar((Convert.ToInt32( _
Convert.ToChar(plainText(i))) + Me.ShiftCount))


นำมาปรับลดคำสั่งการแปลงชนิดข้อมูลอีกนิดหน่อย

Function Encrypt(ByVal PlainText As String, ByVal Key As Byte) As String
Dim PlainChar(PlainText.Length - 1) As Char

For Count As Byte = 0 To PlainText.Length - 1
'ในกรณี Decrypt ให้เปลี่ยนจากเครื่องหมายบวกเป็นลบ
PlainChar(Count) = ChrW(AscW(PlainText(Count)) + Key)
Next

'ส่งค่าตัวอักษรที่เป็น array กลับเป็น string
Return PlainChar
End Function


อีกคน คือ Ghaith Nizar Sinjab ชาวซีเรีย (syria) เขียนไว้ค่อนข้างยาว ซึ่งเป็นตัวอย่างของการพยายามให้รองรับได้หลายภาษา ในที่นี้เค้าทำเป็นตัวอย่างไว้เพียง 2 ภาษา ในที่นี้จะไม่ขออธิบายถึง

สำหรับข้อมูลอื่นๆ ที่ควรรู้คือ ก-ฮ ใน Unicode คือเลข 3585-3630

ปล. ใครต้องการเขียนเป็น JavaScript ลองดูที่เว็บ Black Chamber (ceasar.js) หรือ java2s นะครับ

แหล่งข้อมูล
Caesar cipher - wikipedia
Transposition cipher - wikipedia
Caesar cipher - The Black Chamber
Caesar Cipher in JavaScript - java2s
Implementing Caesar Cipher in VB.NET - The Code Project - Deobrat Singh
Caeser Cipher v1.0 - Ghaith Nizar Sinjab